อยากได้ที่นอนคุณภาพดี ต้องดูจากอะไร?

อยากได้ที่นอนคุณภาพดี ต้องดูจากอะไร? หลายคนอาจจะมีความคิดที่อยากจะซื้อที่นอนดีๆ แต่ไม่รู้จะต้องดูจากอะไรบ้าง แล้วถ้าซื้อมาก็กลัวจะมีปัญหาตามมา ซึ่งบทความนี้ ร้านที่นอนพระราม2 นั้นยินดีที่จะให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจที่จะเลือกที่นอนดีๆสักตัวเอาไว้ใช้นอนหลับพักผ่อน เพราะทาง ร้านที่นอนพระราม2 นั้นให้ความสำคัญกับการนอนของลูกค้าทุกคน    ตรวจดูการรับประกันที่นอน  ทาง ร้านที่นอนพระราม2 นั้นมีการรับประกันคุณภาพที่นอน ทำให้ลูกค้าที่ซื้อที่นอนจากทางร้านของเราไปจะมั่นใจได้เลยว่า ทางเราไม่ทิ้งลูกค้าอย่างแน่นอน โดยทางร้านเรานั้นยินดีให้การดูแลสูงสุด โดยการรับประกันสินค้านานมากถึง 10 ปี ทำให้หายห่วงได้เลยว่าจะได้การบริการและที่นอนคุณภาพจากทางร้านเราได้อย่างแน่นอน    เช็คประวัติของร้านก่อนซื้อ  ร้านที่นอนพระราม2 ของเรานั้นมีประวัติการซื้อขายมาอย่างยาวนาน ลูกค้าหลายคนต่างให้ความไว้วางใจ กลับมาใช้บริการใหม่เสมอ ทำให้คุณสบายใจได้เรื่องประวัติของร้านว่าไม่มีประวัติเสียอย่างแน่นอน หากคุณกำลังมองหาร้านที่นอนคุณภาพร้านของเรายินดีให้บริการครับ    ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุต่างๆ  ทางร้านของเรานั้นมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องที่นอน ที่สามารถให้ความรู้แก่ผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับคำแนะนำที่ดีตอนมาซื้อที่นอนกับทางร้านเรา และร้านเรายังมีการให้บริการปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพการนอนโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าทุกปัญหาของคุณเราสามารถที่จะช่วยได้อย่างแน่นอน     อ่านรีวิวก่อนซื้อ  ทางของเรานั้นมีรีวิวการใช้งานและมีการอัพเดทตลอดทุกการขายสินค้า ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าจะได้ที่นอนที่ดีมีคุณภาพ โดยคุณสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่แฟนเพจของทางร้านเรา   ร้านที่นอนพระราม2  เพื่ออ่านรีวิวและความคิดเห็นจากลูกค้าได้    และนี่ก็คือวิธีการเลือกซื้อที่นอนที่ทาง ร้านที่นอนพระราม2 ต้องการให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังสนใจที่จะซื้อที่นอนที่มีคุณภาพ เพื่อนำไปใช้ในห้องนอนของคุณ เพราะการนอนหลับนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตของเรา การเลือกที่นอนที่ดีมีคุณภาพก็ถือว่าเป็นการดูแลสุขภาพของเราด้วยเช่นกัน ซึ่งหากลูกค้าคนไหนต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อมาได้ที่ ร้านที่นอนพระราม2 หรือ ร้านที่นอนท่าข้าม เพื่อพูดคุยหรือปรึกษาเกี่ยวกับการนอน ซึ่งทางร้านเรายินดีให้คำปรึกษาและบริการแก่ทุกท่านด้วยมิตรไมตรีจิตรเป็นอย่างยิ่ง         สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 086-317-1150  คุณสิทธิ์ 

การดูแลรักษาวอลเปเปอร์ลายไทย

•    วอลเปเปอร์ลายไทยที่มีอายุการใช้งาน 4-5 ปี หลังจากนั้นสีจะเริ่มเหลืองซีดทำให้ห้องดูเก่า แม้จะไม่สวยงามแต่ก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศห้องก็ไม่ควรเสียดายวอลเปเปอร์เดิม  •    ถ้าเกิดรอยเปื้อนให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาด ๆ ค่อยๆ เช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วใช้ผ้าเนื้อนุ่มเช็ดซ้ำอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ผนังแห้งสนิท แต่ถ้าสกปรกมากให้ใช้แชมพูทำความสะอาดแล้วเช็ดด้วยผ้าหมาด ๆ ตามด้วยผ้าแห้ง  •    ห้ามใช้ทินเนอร์ น้ำมันเบนซิน หรือน้ำมันสารระเหยต่าง ๆ มาทำความสะอาด นอกจากวอลเปเปอร์ลายไทยบางชนิดจะมีข้อบ่งชี้ว่าใช้ได้  •    หลีกเลี่ยงอย่าให้วอลเปเปอร์ลายไทยโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ๆ เพราะจะทำให้สีของวอลเปเปอร์ลายไทยซีดจางได้ และควรป้องกันอย่าให้เกิดความชื้นเป็นเวลานานเพราะอาจเกิดเชื้อราขึ้นได้  •    กรณีที่มีรอยต่อหรือรอยเผยอออกมาให้ทาด้วยกาวลาเท็กซ์แล้วใช้ลูกกลิ้งกดทับไปมาจนเรียบสนิท ไม่ควรปล่อยให้เกิดรอยเผยอนานเกินไปเพราะจะทำให้ขอบแข็ง แม้กดทับด้วยลูกกลิ้งอย่างไรวอลเปเปอร์ลายไทยก็จะไม่ติดผนัง  •    การซ่อมแซมส่วนที่ฉีกขาดหรือมีรอยเปื้อนที่ทำความสะอาดยาก แนะนำให้หาวอลเปเปอร์ลายไทยจากลอตเดียวกันมาทาบกับรอยต่อที่ต้องการ จัดวางลวดลายให้ตรงกับวอลเปเปอร์ลายไทยอันเดิม กรีดด้วยคัตเตอร์ให้เป็นแผ่นใหญ่กว่ารอยขาดหรือรอยเปื้อนเดิม เสร็จแล้วลอกวอลเปเปอร์เก่าออก  นำแผ่นวอลเปเปอร์ชิ้นใหม่ที่ตัดแล้วมาทากาวก่อนติดลงบนตำแหน่งที่ต้องการ  จากนั้นกลิ้งทับด้วยลูกกลิ้งจนเรียบสนิทไปกับผนัง  –     วอลเปเปอร์ลายไทยบางประเภทก็ไม่สามารถใช้น้ำเช็ดหรือล้างได้ โดยสังเกตง่าย ๆ ที่สัญลักษณ์ด้านหลังที่แจ้งเตือนว่าห้ามล้าง ฉะนั้นจึงให้หลีกเลี่ยงไปใช้ไม้ขนไก่ปัดทำความสะอาดแทน หรือจะซื้อน้ำยาทำความสะอาดโดยเฉพาะมาใช้ก็ได้ โดยใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยาเช็ดไปในทิศทางเดียวกับรอยเปื้อนหรือคราบฝุ่นต่าง ๆ  บางพื้นที่ก็ไม่เหมาะกับการติดวอลเปเปอร์ลายไทย เช่น  •    ผนังบริเวณที่มีหน้าต่าง ไม่ควรติดที่บริเวณนี้เพราะน้ำจะซึมเข้ามาทางขอบหน้าตางตรงวงกบ แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปใช้ผ้าม่านที่มีลวดลายสอดคล้องกับวอลเปเปอร์แทนจะดีกว่าได้… Continue reading การดูแลรักษาวอลเปเปอร์ลายไทย

การดูแลผ้าม่านแต่ละแบบอย่างง่ายๆ

นอกจากเฟอรนิเจอร์แต่งบ้านจะช่วยให้บ้านความสวยงามมากขึ้นแล้ว ผ้าม่าน ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่สามารถช่วยทำให้ห้องมีความลงตัวมากยิ่งขึ้น ผ้าม่านของแต่งบ้านอีกชิ้นที่มีสไตล์ไม่แพ้ของแต่งชิ้นอื่นเลย แถมประโยชน์ของผ้าม่านก็มีเยอะจนอธิบายไม่หมด ดังนั้นคุณๆควรใส่ใจการดูแลรักษาและทำความสะอาดผ้าม่าน  แต่ผ้าม่านแต่ละแบบก็มีวิธีการทำความสะอาดที่แตกต่างกัน  วันนี้เราเอาวิธีการง่ายมานำเสนอคุณๆกัน  1. ผ้าม่านจีบ (Pleated Curtains) เป็นผ้าม่านที่นิยมตกแต่งมากที่สุด และเป็นผ้าม่านมาตรฐานที่สามารถนำไปตกแต่งได้ในทุกสถานที่ได้อย่างลงตัว การดูแลรักษาผ้าม่านเบื้องต้นสามารถนำไม้ปัดขนไก่ปัดตามรอยจีบของผ้าม่านได้ และควรทำความสะอาดตัวผ้าม่านอย่างน้อยเดือนละ 3-4 ครั้งเพื่อไม่ให้ฝุ่นเกาะผ้า  2. ผ้าม่านพับ (Roman Blinds) เป็นผ้าม่านที่ได้รับความนิยมมากในยุโรป อเมริกาและเอเชีย ข้อดีหลักๆของผ้าม่านชนิดนี้คือเป็นผ้าม่านที่ใช้งานได้สะดวก มีความแข็งแรง แถมยังประหยัดพื้นที่ในการใช้งานอีกด้วย เวลาใช้งานผ้าม่านพับไม่ควรดึงเชือกที่ติดมากับผ้าม่านแรงจนเกินไป  3. ม่านม้วน (Roller Blinds) เป็นผ้าม่านที่มีรูปแบบทันสมัย ใช้บังแสงสว่างจากภายนอก ลักษณะเป็นผ้าม่านผ้าเป็นผ้าผืนใหญ่ที่สามารถม้วนเก็บขึ้นไปให้มิดชิด ซึ่งเมื่อม้วนผ้าม่านเก็บแล้วจะมีขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่และทำความสะอาดง่าย วิธีทำความสะอาดเบื้องต้นเพียงแค่นำผ้าสะอาดชุบน้ำเล็กน้อย เช็ดบริเวณที่ผ้าม่านมีรอยเปื้อนออก เพียงเท่านี้ม่านม้วนของคุณก็ดูสวยเหมือนเดิม  4.มู่ลี่ (Blinds) ถือเป็นการตกแต่งที่เน้นความเรียบง่ายมาก นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ข้อดีหลักๆของการติดมู่ลี่ นั้นมีมากมายเช่นกัน ทั้งสะดวกสบายในการใช้, ประหยัดพื้นที่การใช้งาน และยังทำความสะอาดได้ง่านอีกด้วย เพียงแค่คุณนำไม้ปัดขนไก่ปัดทำความสะอาดเพียงเท่านี้มู่ลี่ก็ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

วิธีการล้างมู่ลี่

บทความในตอนที่แล้วนั้นได้มีการพูดถึงวิธีการทำความสะอาดมู่ลี่ว่าให้ใช้วิธีการปัดฝุ่นด้วยไม้ปัดหยากไย่หรือไม้ปัดขนไก่เบาๆ หรือใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ บิดแล้วค่อยๆเช็ด เพราะเนื่องจากว่าเราไม่สามารถซักแบบผ้าม่านได้แต่ก็ยังมีอีกหลายคนสอบถามมาว่าเราไม่สามารถซักมู่ลี่ได้จริงๆ หรือซึ่งต้องขอบอกครับว่าจริงๆ แล้วเราไม่สามารถซักมู่ลี่ได้อย่างแน่นอนแต่เราสามารถทำความสะอาดมู่ลี่ด้วยการโดนน้ำล้างได้เพียงแต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังซึ่งวิธีล้างมู่ลี่ที่ถูกวิธีมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ ขั้นตอนแรกสุดให้เลือกบริเวณที่ใช้ในการล้างมู่ลี่โดยอาจจะเลือกลานบ้านที่มีพื้นผิวเรียบและมีความลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อเป็นทางให้น้ำไหลและนำผ้านวมหรือผ้าห่มเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วเตรียมเอาไว้ ต่อมาให้ปิดบานพับมู่ลี่ให้ลู่ลง ตรวจดูให้แน่ใจว่าบานพับทุกอันปิดหมดสนิทเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงถอดมู่ลี่ออกและวางลงบนผ้านวมหรือผ้าห่มที่เตรียมไว้ ถัดมาให้ผสมน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์หรือน้ำยาแอมโมเนียและใช้น้ำยาที่ผสมนี้ชโลมมู่ลี่ให้ชุ่มทั่วทั้งบานและใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดโดยขัดไปในแนวเดียวกับบานมู่ลี่ ข้อสำคัญในขั้นตอนนี้คือเชือกดึงมู่ลี่จะต้องไม่โดนทับและเมื่อทำความสะอาดบานพับด้านหนึ่งเสร็จดีแล้วก็ปิดบานพับลู่ลงหรือลู่ขึ้นไปอีกด้านหนึ่งล้างและขัดให้สะอาด ขั้นตอนสุดท้ายคือขึงมู่ลี่กับราวตากผ้าหรือขึงกับราวบันไดยาวๆ สูงๆ ก็ได้ หรืออาจจะให้ใครอีกคนยืนถือเอาไว้ก็ได้จากนั้นให้เขย่า ๆ และทิ้งไว้ให้แห้งแล้วจึงนำกลับไปแขวนไว้ที่เดิม แต่ถ้ามู่ลี่เป็นสีเข้มควรซับหรือเช็ดม่าน มู่ลี่ให้แห้งเสียก่อนเพื่อป้องกันคราบหยดน้ำครับ

เคล็ดลับการเลือกซื้อผ้าม่านอย่างชาญฉลาด

                              คราวก่อนผมได้แนะนำเกี่ยวกับสถานที่เลือกซื้อผ้าม่านไปแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับได้มีโอกาสไปเดินดู เลือกซื้อเพื่อนำมาใช้งาน ประดับ ตกแต่งบ้าน กันหรือยังหากกำลังคิดจะไปล่ะก็ผมมีเคล็ดลับและวิธีในการเลือกซื้อผ้าม่านให้ได้ของดีและมีคุณภาพคงทานมาฝากกันครับ                สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อผ้าม่านก็คือเราต้องมีแบบผ้าม่านที่ต้องการใช้อยู่ในใจก่อนการไปเลือกซื้อ โดยเราต้องมีการออกแบบวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าห้องใด ควรใช้ผ้าม่านแบบไหน หรือประเภทใดจึงเหมาะสมกับสภาพห้องและสไตล์ของเราเพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาในการเลือกและเดินหาซื้อเพราะในบางครั้งเราอาจไม่มีเวลาพอที่จะเดินหาทุกร้านดังนั้นการวางแผนไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เมื่อเรามีแบบอยู่ในใจแล้วถัดมาเราต้องเลือกดูคุณสมบัติของผ้าเป็นหลักโดยผ้าที่ใช้ทำม่านนั้นต้องเป็นผ้าที่แข็งแรงทนทาน ไม่แข็งกระด้างหรือยืดหยุ่นสูงจนเกินไป นอกจากนี้ยังต้องรับแสงและทนแสงได้ดี สีซีดช้า จึงเหมาะสมกับการเป็นผ้าม่าน                และสิ่งสำคัญท้ายที่สุดให้ดูว่าราคาของผ้าม่าน วัสดุที่ใช้ทำ และงบประมาณที่เรามีนั้นมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ซึ่งราคาของผ้าม่านจะถูกหรือแพงนั้นมักจะขึ้นอยู่กับลวดลาย รูปแบบและเนื้อผ้าที่ใช้ทำผ้าม่านเป็นหลัก เช่นหากเราเลือกใช้เนื้อผ้าดีและมีลวดลายสวยงามเลิศหรูเช่นม่านหลุยส์ ราคาก็ย่อมแพงกว่าม่านจีบ เป็นต้น ดังนั้นเราจึงควรตั้งงบประมาณไว้ให้ดีก่อนว่าเรามีงบเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่                หากเราทำได้ทั้งหมดนี้ผมเชื่อว่าคุณๆ ทั้งหลายจะได้ผ้าม่านคุณภาพดี ราคาเหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งไว้มาใช้งานกันอย่างแน่นอนครับ ขอให้โชคดี